วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

อาชีพนวดแผนโบราณ นวดแผนไทย ไม่ต้องเรียนจบสูง แค่มีวิชานวดไทยติดตัว หากินได้ไม่รู้จบ


อาชีพนวดแผนโบราณ นวดแผนไทย ไม่ต้องเรียนจบสูง แค่มีวิชานวดไทยติดตัว หากินได้ไม่รู้จบ



อาชีพนวดแผนไทย หรือหมอนวดแผนโบราณ หลายคนคงจะคุ้นเคยและรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะในปัจจุบันธุรกิจหรือร้านนวดแผนไทยนั้น ได้เปิดให้บริการกันอย่างมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมืองท่องเที่ยวหลักของประเทศไทย อย่าง กรุงเทพ ฯ พัทยา ภูเก็ต เป็นต้น ที่จะเปิดให้บริการนักท่องเที่ยวกันตลอด 24 ชั่วโมงเลยทีเดียว
คุณรู้จักอาชีพหมอนวดหรือไม่ ?  แน่นอนค่ะ หลายคนต้องตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “ฉันรู้จักอาชีพนี้”แต่ ! คุณเคยรู้ลึกถึงเรื่องราวและประสบการณ์ต่างๆ ของอาชีพนี้ดีหรือไม่ และหลายคนคิดเห็นอย่างไรกับอาชีพหมอนวด
วันนี้ สยามอาชีพ จะมาเปิดเผยถึงเรื่องราว ชีวิตความเป็นอยู่ของผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ทำงานเป็นหมอนวดแผนโบราณมา 20 กว่าปี เรามาทำความรู้จักกับเธอกันเลยค่ะ ว่าบุคคลท่านนี้คือใครกัน

เปิดชีวิตหมอนวดแผนโบราณ ทำงานมา 20 กว่าปี

วันนี้ทางเว็บไซต์ สยามอาชีพ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มีโอกาสเผยแพร่เรื่องราวของ คุณ บังอร หรือหมอน้อย เกี่ยวกับอาชีพนวดแผนไทย นวดแผนโบราณ เรามาทำความรู้จักกับเธอและเส้นทางการทำอาชีพหมอนวดกันเลยค่ะ
คุณ บังอร หรือ หมอน้อย ปัจจุบันอายุ 53 ปี ที่อยู่ตามภูมิลำเนาอาศัยอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา เรามาเริ่มต้นเรื่องราวชีวิตของเธอกันเลยดีกว่าค่ะ ว่าจะน่าสนใจอย่างไรบ้าง

จุดเริ่มต้นของอาชีพหมอนวด

หมอน้อย ปัจจุบันสมรสแล้วและมีลูกสาว 2 คน ลูกคนโตอายุ 24 ปี และคนเล็กอายุ 23 ปี จุดเริ่มต้นของการหันมาทำอาชีพหมอนวด คือ เริ่มมาจากเดิมนั้น หมอน้อยมีอาชีพรับจ้างทั่วไปและในต่างจังหวัดนั้น เมื่อก่อนเศรษฐกิจและสภาพภูมิอากาศถือว่าแห้งแล้งและยากจนมาก บวกกับฐานะทางบ้านที่ยากจน จึงทำให้คุณหมอน้อยตัดสินใจหันมาประกอบอาชีพหมอนวดแผนโบราณกับเพื่อนๆ ที่แนะนำ
ซึ่งสถานที่ทำงานนั้น คือเมืองพัทยา และในสมัยก่อนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 สำหรับการประกอบอาชีพนวดแผนไทยนั้น ถือว่าเป็นอาชีพที่คนบ้านนอกและสังคมในเมืองไม่ให้การยอมรับ ดูถูกเหยียดหยามมาโดยตลอด ยิ่งมาเป็นหมอนวดแผนไทยที่พัทยาด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้ญาติพี่น้อง และสามีที่อยู่บ้านนอก รับไม่ได้กับอาชีพนี้
แต่คุณหมอน้อย ก็ไม่สนใจคำนินทาจากคนรอบข้าง เธอตั้งหน้าตั้งตาทำงานอย่างเต็มที่ เพราะลูกน้อย 2 คน กำลังรอเงินจากอาชีพหมอนวด ส่งกลับไปให้ลูกๆ ใช้จ่ายที่บ้าน ทั้งค่าอาหาร เงินไปโรงเรียน ค่าใช้จ่ายในครอบครัว และภาระหนี้สินต่างๆ คุณหมอน้อยต้องแบกรับภาระแต่เพียงผู้เดียว โดยที่สามีของเธอก็มีแค่เพียงอาชีพรับจ้างทั่วไปเท่านั้น
เธอกัดฟัน อดทนกับคำดูถูกสารพัด จากคนที่บ้าน ทั้งหาว่าเธอไปขายตัวที่พัทยา ไปหาจับฝรั่ง และอื่นๆ สารพัด แต่สิ่งที่ทำให้เธอต้องเสียนำ้ตาทุกครั้ง มันไม่ใช่คำพูดของคนรอบข้างหรือญาติพี่น้อง แต่กลับเป็นคำพูดของคนที่เป็นสามี ที่ไม่เคยเชื่อใจและดูถูกอาชีพหมอนวดแผนไทยมาโดยตลอด ทั้งที่จริงแล้ว อาชีพนี้ต่างหาก ที่คอยหล่อเลี้ยงทุกคนในครอบครัวให้ลืมตาอ้าปากได้
กำลังใจที่ทำให้เธออดทนทำงาน และยึดอาชีพหมอนวดหากินมาโดยตลอด นั่นคือ ลูกสาวทั้ง 2 คน ที่คอยเป็นกำลังใจและคอยให้กำลังใจเธอทุกครั้งเมื่อยามที่เธอเหนื่อยและท้อ จากนั้นคุณหมอน้อย สามีและลูกๆ ทั้งสองคนมาอยู่ด้วยกันที่พัทยา ช่วยกันเก็บเงิน ขยันทำงาน เก็บหอมรอมริบ ประหยัดอดทน เพื่อที่หวังว่า สักวันจะได้กลับไปอยู่บ้านที่โคราชเช่นเดิม

ความฝันของหมอนวดแผนไทยทุกคน

จากการสอบถามหมอนวดแผนไทยส่วนใหญ่ ความฝันของทุนคนคือ การเก็บเงินได้สักก้อนหนึ่ง มีเงินทุนแล้วได้กลับไปอยู่บ้านที่ต่างจังหวัด อยู่กับครอบครัว หรือเปิดร้านนวดเล็กๆ เป็นของตัวเอง เพื่อให้ร้านนวดแผนไทยนี้เป็นแหล่งสร้างรายได้ให้กับตัวเอง และในอนาคตก็ต้องการให้ลูกหลานสืบทอดศิลปะการนวดแผนไทยให้คงอยู่ต่อไป และหากลูกหลานมีวิชานวดแผนไทยติดตัว อนาคตก็สามารถนำไปหาเลี้ยงชีพได้ไม่รู้จบ
ซึ่งนี่คือความฝันของหมอนวดแผนไทยหลายคน ดิฉันไม่อยากให้ทุกคนมองอาชีพนวดแผนไทยเป็นอาชีพที่ไม่ดี ซึ่งอันที่จริงแล้วดิฉันคิดว่า อาจจะมีบ้างที่มีร้านนวดแผนไทยบางร้าน มีการค้าประเวณีแอบแฝงอยู่ ซึ่งคนพวกนี้ทำให้ภาพลักษณ์ของอาชีพนวดแผนไทยด้อยค่าลงไป ทั้งที่จริงแล้ว ศาสตร์แห่งการนวดไทยนั้น เป็นสิ่งที่น่ายกย่อง เพราะสามารถสร้างรายได้ให้กับคนในชาติได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังสร้างเม็ดเงินโกยรายได้จากนักท่องเที่ยวได้อีกด้วย
การคิดดี ทำดี และซื่อสัตย์กับงานที่เราทำ สิ่งเหล่านี้จะทำให้คุณประสบความสำเร็จในชีวิตและหน้าที่การงานได้นะค่ะ เพราะฉะนั้นอย่าลืมสิ่งที่เราเป็น อย่าดูถูกงานที่เราทำ และจงตั้งใจทำทุกอย่างให้ดีที่สุด แล้วผลลัพธ์ที่ได้ จะทำให้คุณประสบความสำเร็จค่ะ



เรื่องกล้วยๆ ที่ทำให้ชีวิตกล้วยขึ้น อยากมีอาชีพเสริม รายได้ดี ไม่ใช่เรื่องยาก


เรื่องกล้วยๆ ที่ทำให้ชีวิตกล้วยขึ้น อยากมีอาชีพเสริม รายได้ดี ไม่ใช่เรื่องยาก



กล้วยฉาบ เป็นอาหารของคนไทยที่มีรับประทานกันมาตั้งแต่สมัยก่อน เนื่องจากผลไม้ประเภทกล้วยมีการปลูกไว้ตามบ้านเยอะแยะมากมาย จึงได้มีการนำมาแปรรูปเป็นขนมขบเคี้ยวเพื่อนำไปจำหน่าย นอกจากนี้การทำกล้วยฉาบขายยังถือเป็นสินค้า OTOP อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ของคนไทยที่ขายดิบขายดี และยังส่งออกไปขายยังต่างประเทศอีกด้วย
พ่อค้าแม่ค้าหลายคนที่สามารถหาเงินเลี้ยงชีพได้ด้วยการขายผลิตภัณฑ์จากกล้วย ไม่ว่าจะเป็น ขายกล้วยปิ้ง , กล้วยฉาบ , กล้วยสุก , กล้วยอบน้ำผึ้ง เป็นต้น นอกจากนั้นยังมีพนักงานประจำอีกหลายๆ ท่าน ที่หันมาทำขนมกล้วยฉาบขายเพื่อเป็นรายได้เสริมควบคู่ไปกับการทำงานประจำ ด้วยเหตุผลนี้ผลิตภัณฑ์จากกล้วย จึงไม่ใช่เรื่องกล้วยๆ อีกต่อไป เพราะสินค้าที่ทำจากกล้วยนี้ สามารถทำเงินได้เป็นอย่างดี
วันนี้ สยามอาชีพ จะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับแม่ค้าสาวสวยท่านหนึ่ง คุณ วิชชุดา นิตไธสง เธอผู้นี้เป็นคนที่คลุกคลีกับเรื่องกล้วยๆ มาตั้งแต่เด็ก จากผลไม้ธรรมดาๆ ที่เธอเห็นและรับประทานเป็นประจำ กลายมาเป็นสิ่งจูงใจให้เธอหันมาทำธุรกิจเกี่ยวกับกล้วย เรามาทำความรู้จักกับเธอคนนี้กันเลยคะ ว่าเรื่องราวของเธอจะน่าสนใจอย่างไรบ้าง

มารู้จักกับสาวสวย เจ้าของผลิตภัณฑ์มีดสไลด์กล้วยฉาบ

12573689_891335600982905_4845581321288532805_n

เป็นคนโคราชคะ แม่ปลูกกล้วยมานานแล้ว ทั้งปลูกกินเอง ปลูกให้นกกิน(คือกล้วยถูกมาก) เรียนจบแผนกการบัญชี เรียนมาได้ 3 ปี จากนั้นก็เริ่มทำงาน เข้าทำงานที่ธนาคารออมสินได้ประมาณ 3 เดือน สักพักเริ่มเบื่อระบบการทำงานเป็นลูกน้องจึงขอลาออก จากนั้นก็ไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่เดนมาร์ก 2 ปี หลังจากกลับมาก็ไม่มีอะไรทำ แต่เราเห็นแม่ทำกล้วยฉาบ “รู้สึกว่าคุณแม่ทำมาตลอดไม่เหนื่อยหรือไงนะ” แต่เราเห็นแม่ขายกล้วยฉาบถุงใหญ่มาก
จนมาวันหนึ่งหลังจากที่ไปเรียนเก็บตังค์จากเดนมาร์กมา เงินเก็บที่ออมไว้ใช้เริ่มหมดลง มีเงินเหลือติดตัวอยู่ประมาณ 1,000 บาท จึงคิดว่าเราต้องเริ่มทำอะไรซักอย่างแล้ว จากนั้นจึงตัดสินใจเริ่มทำกล้วยฉาบลงทุนครั้งแรกด้วยเงินเพียงแค่ 1,000 บาท เราซื้อกล้วยหวีละ 7 บาท เป็นจำนวนเงิน 400 บาท น้ำมันพืช 300 บาท น้ำตาล 75 บาท ถุงพลาสติก อีก 4 ห่อ เป็นเงิน 160 บาท พอซื้อวัตถุดิบครบหมดแล้วเราก็เริ่มทำกล้วยฉาบทันที จากที่เราไม่มีสูตรกล้วยฉาบเป็นของตัวเองเลย เราทำกล้วยฉาบทุกวัน ลองผิดลองถูก จนในที่สุดก็มีสูตรกล้วยฉาบเป็นของตัวเองจนได้
ถามว่าสูตรกล้วยฉาบหามาได้ยังไง เราขอบอกเลยว่า “สูตรใครก็สูตรใคร” ลองทำแล้วจดเอาเอง แล้วก็ถามเอาเอง ชิมเอง ไม่ใช่ของตัวเองนะคะ ของคนอื่น ขณะที่เราทดลองสูตรเราก็ยังขายได้นะคะ
10987690_719792308137236_4030908038165714621_o
พอเริ่มขายดีมีสูตรกล้วยฉาบเป็นของตัวเองแล้ว แต่ก็มีปัญหาอยู่ว่า ทำไมเราถึงทำกล้วยฉาบได้ช้าจัง ปวดแขนด้วย นั่งทำกล้วยฉาบทั้งวันได้เพียงแค่ 300 ถุง (300×8=2,400) แต่เราก็พอจะรู้ปัญหาหลักๆ คือมีดสไลด์กล้วยฉาบ ยิ่งทำกล้วยเส้นนะ มือนี่พองครบทุกนิ้ว ตอนนั้นรู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว เราต้องเริ่มหามีดสไลด์กล้วยฉาบที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์กล้วยฉาบของเราทำง่ายและทำได้เร็วขึ้น จากนั้นเราได้ไปเจอต้นแบบมา เป็นมีดสไลด์หลายคม คือ มีญาติซื้อมาแต่เจ้าของเค้าอยู่ไหนก็ไม่รู้ เราเลยให้ช่างไม้(ลุงที่บ้านทำให้)ลองทำดู ทำผิดถูกอยู่ประมาณสองครั้งก็ได้มีดสไลด์แบบหลายคมมาใช้ เราใช้เวลาประมาณ 1 ปี กว่าจะได้ผลิตภัณฑ์เป็นของตัวเอง ที่ใช้เวลานานเพราะไม่มีคนแนะนำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการหาสูตรทอดกล้วย หรือเรื่องผลิตภัณฑ์มีดสไลด์แบบหลายคมและมีดสไลด์เส้น
หลังจากที่ได้ผลิตภัณฑ์มีดสไลด์เพื่อมาช่วยและเพิ่มความคล่องตัวในการทำกล้วยฉาบแล้ว เตรียมอุปกรณ์ทุกอย่างครบเราก็เริ่มทำกล้วยฉาบได้เลย พอได้ผลิตภัณฑ์กล้วยฉาบมาแล้ว เรื่องต่อมาคือการหาตลาดเพิ่ม(ถ้าเราทำไหว) และหาดูไร่สำหรับปลูกกล้วยเพิ่มคะ เพราะถ้าไม่ปลูกกล้วยเอง ต้นทุนที่เรารับมาอาจจะสูงขึ้น และอีกอย่างคือกล้วยอาจจะขาดตลาดได้ ซึ่งแผนสองนี้เราปลูกกล้วยเองลงทุนแค่ครั้งเดียวคะ ตอนนี้ผลิตภัณฑ์กล้วยฉาบภายได้แบรนด์ Banny Crispy banana chips ได้ 4 ปีติดแล้ว ต้องจ้างคนมาปลูกกล้วยเพิ่มเพื่อให้ผลิตภัณฑ์กล้วยฉาบผลิตสินค้าได้อย่างต่อเนื่อง
12647516_892849214164877_5937266990892544505_n
12642795_892849174164881_7976813676540012127_n
12654225_891335727649559_6913104423842269077_n
11755277_801486666634466_8044742028833606996_n
11692763_792526474197152_5113223947554536649_n
หลังจากที่ทำธุรกิจกล้วยฉาบเข้าที่เข้าทางแล้วก็พอมีเงินเก็บจากการขายกล้วยฉาบอยู่บ้าง จึงตัดสินใจถอยรถยนต์คันใหม่ ซื้อที่ดินปลูกสร้างบ้าน ตอนนี้รวมที่แม่ทำมาก็ 7 ปีแล้วคะ ยังทำอยู่สินค้าเราชื่อ Banny Crispy banana chips เราออกแบบแบรนด์และพัฒนาผลิตภัณฑ์เอง เราเข้าศึกษาหาความรู้จากหน่วยงานราชการและมหาวิทยาลัยนครราชสีมา ตอนนี้สินค้ายังขายได้เรื่อยๆ หากรู้สึกเหนื่อยเราก็พัก “ชีวิตที่พอเพียงอยู่ที่ความเพียงพอ” แต่ก็ถือว่าเราสร้างได้เยอะ ช่วงที่ทำเต็มตัวเลย คือตั้งแต่ปี พ.ศ. 2012-2014 สองปีนี้ทำให้เราได้ทำในสิ่งที่ฝัน บ้านรถที่ดิน เราซื้อได้ด้วยเงินของตัวเองจนครบทุกอย่าง
11214255_787168444732955_5005223843324468536_n
775831_326139007502570_291349734_o
คุณจะประสบความสำเร็จได้ถ้าคุณตั้งใจและลงมือ อยากได้คำแนะนำเพิ่มหรืออยากทำอาชีพเสริมหาเงินเข้ากระเป๋า เรายินดีให้คำแนะนำคะ “อยากทำก็ ทำ อยากขายก็ขาย อยากนอนก็ทำได้” ทำมาแล้วยังได้เลย เสียอย่างเดียวตอนนี้ไม่มีคนช่วยคิดช่วยทำเลยปล่อยลูกน้องทำ แค่ทำให้ได้เงินวันละ 1,000-2,000 บาท ทุกวันก็พอแล้ว ไม่ได้เป็นลูกจ้างใคร ท่านใดสนใจอุปกรณ์ช่วยทำกล้วยปรึกษาได้นะคะ ประสบการณ์ดีๆ ที่ควรลองและไม่ควรพลาด
11665496_787168488066284_7282253657492663260_n
11265374_787168314732968_1193995359859614128_n

สูตรใครก็สูตรใคร” ทำวันนี้ให้ดี พรุ่งนี้จะสดใส อยากมีชีวิตที่กล้วยๆ ก็ต้องลองทำกล้วยสิคะ เริ่มต้นรายได้วันละ 1,000 บาท เพิ่มขึ้นเป็นวันละ 6,500 บาท ทำได้ไง => ถามสอบเราได้คะ เรายินดีให้คำแนะนำ


วันพุธที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

เปลี่ยน “กะลามะพร้าว” ธรรมดาๆให้เป็นเงินได้ด้วย “โมบายกะลามะพร้าว”


เปลี่ยน “กะลามะพร้าว” ธรรมดาๆให้เป็นเงินได้ด้วย “โมบายกะลามะพร้าว”



ถ้าใครได้มีโอกาสไปเที่ยวเกาะสมุย คงไม่มีใครปฏิเสธว่า ไม่เคยเห็นคนถือโมบายรูปสัตว์ต่างๆ ที่ทำจากกะลามะพร้าว เร่ขายฝรั่งตามชายหาด หรือตามร้านขายของที่ระลึกต่างๆ หรือประดับตกแต่งตามโรงแรมบางแห่ง จากการสอบถามราคาพบว่า ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 200 บาท ขึ้นไป ถ้าซื้อหลายอันคนขายก็ลดให้ แต่ใครจะรู้บ้างว่า กว่าจะทำได้สักอัน ต้องอาศัยความพยายาม ความคิดสร้างสรรค์ และความพิถีพิถันกันพอสมควร

โมบายกะลา


ลักษณะอาชีพ

โมบายรูปสัตว์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นก ไก่ ดอกไม้ แมลงปอ ผีเสื้อ ปลา ฯลฯ ล้วนทำมาจากกะลามะพร้าว และวัสดุธรรมชาติ พืชผลไม้จากท้องถิ่น หรือแม้แต่ขนจากไก่หรือเป็ด ซึ่งแล้วแต่จะหามาได้ ได้ถูกนำมาประกอบเป็นโมบาย จุดเด่นอยู่ที่ เมื่อมีลมพัดมา หางของนก หรือสัตว์ต่างๆ จะหมุนตามแรงลมทำให้รู้สึกเหมือนโมบายมีชีวิต ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากชาวต่างชาติ โดยเฉพาะถ้าหากครอบครัวนั้นมีเด็กๆ ด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ขายได้หลายอัน และเมื่อแขวนหลายๆ อัน ยิ่งทำให้รู้สึกเหมือน มีเหล่าสัตว์ปีกและแมลงบินอยู่รอบๆ ตัว  จึงเหมาะอย่างยิ่งที่จะนำมาเป็นอาชีพเสริม สำหรับผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในงานแกะสลัก และงานฝีมือในการทำโมลายจากกะลามะพร้าวนี้

เงินลงทุน

ต้นทุนประมาณ 4000 บาท ขึ้นไป
โมบายกะลามะพร้าว

วัสดุอุปกรณ์

วัสดุอุปกรณ์ : เครื่องขัดหินเจียร ตะไบหยาบ สว่านมือ ค้อน กระดาษทรายเบอร์ต่างๆ คันเลื่อยฉลุ ใบเลื่อยฉลุ ไขควง กาวลาเท็กซ์หรือกาวตราช้างหรือกาวร้อน แลคเกอร์ พู่กันเบอร์ใหญ่ เทียนไข ขี้ไต้ ไม้สนนอกหรือตะปู

รายได้

ราคาขายตั้งแต่อันละ 200 บาท ขึ้นไปแล้วแต่แบบ (ต้นทุนต่ออันประมาณ 100 บาท)

แหล่งจำหน่ายวัสดุอุปกรณ์

วัสดุอุปกรณ์อื่นๆ – ร้านจำหน่ายเครื่องมือช่างไม้ทั่วไม้
กะลามะพร้าว – สวนมะพร้าว โรงงานสกัดน้ำมันมะพร้าว
โมบายกะลา

ขั้นตอนการทำ

  1. การเตรียมกะลามะพร้าวทำได้โดยปอกเปลือกมะพร้าวออก และเจาะเอาน้ำมะพร้าวออกให้หมด จากนั้นทิ้งไว้ประมาณ 1 วัน ให้เนื้อด้านในล่อน แล้วจึงใช้มีดแคะเนื้อมะพร้าวสีขาวออกมา การเลือกกะลาที่เหมาะจะนำมาใช้งานนั้น ให้เลือกใช้กะลาที่มีความหนาพอสมควร ไม่หนาหรือบางจนเกินไป มีความโค้งไม่มาก ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับรูปแบบงาน
  2. เมื่อได้กะลาที่มีขนาดและรูปทรงตามต้องการแล้ว ให้นำกะลามะพร้าวที่ได้ มาทำการขัดผิวให้เรียบด้วยเครื่องขัดหรือ เครื่องเจียร จากนั้นทำการตรวจเช็คและขัดด้วยกระดาษทราย เพื่อขจัดเศษเสี้ยนของกะลามะพร้าวออกไป
  3. นำกะลามาผ่าซีกหรือตัดให้ได้ตามชิ้นส่วนของแบบที่ได้ออกแบบไว้ โดยอาจจะตัดเป็นชิ้นส่วนไว้ทีเดียวพร้อมกัน แล้วจึงค่อยนำมาประกอบภายหลังก็ได้
  4. เมื่อได้ส่วนประกอบครบถ้วนแล้ว ก็ให้นำไม้สนนอกมาเหลาเพื่อทำเป็น “สลักยึด” เพื่อใช้แทนตะปู โดยอาจทำไว้ทีเดียวหลาย ๆ ขนาดเหมือนกับขั้นตอนการทำชิ้นส่วน จากนั้นเมื่อได้ส่วนประกอบและสลักยึดครบแล้วก็นำมาประกอบกัน ให้ได้ตามแบบที่ต้องการ
  5. การประกอบชิ้นส่วน ให้เริ่มจากส่วนฐานและลำตัวก่อน โดยใช้กาวร้อนและไม้สนนอกที่เหลาเป็นสลักเป็นตัวยึด และเชื่อมในส่วนต่าง ๆ ถ้าต้องการตกแต่งให้สวยงาม ก็อาจใช้เศษกะลาที่เหลือหรือวัสดุอื่นๆ จากธรรมชาติมาตกแต่งเพิ่มเติมได้ เมื่อทำเสร็จแล้วให้ตั้งทิ้งไว้จนกาวแห้งสนิท เมื่อแห้งสนิทดีแล้ว จึงลงแล็กเกอร์เคลือบผิว เมื่อแล็กเกอร์แห้งสนิทก็เป็นอันเสร็จ 1 ชิ้น

การขายและการตลาด

  1. ขายตามตลาดนัดหรือถนนคนเดินที่มีการจัดงานทุกสัปดาห์ เสียค่าเช่าพื้นที่นิดหน่อย หรืออาจจะไม่เสียเลย
  2. ส่งขายตามร้านขายของที่ระลึกที่ยังไม่มีงานแบบที่เราทำ หรือมีแต่เรานำเสนอในแบบที่แตกต่าง เพื่อให้ทางร้านได้มีงานที่ไม่ซ้ำใคร
  3. เสนอขายตามโรงแรม เพื่อประดับตกแต่ง
  4. เร่ขายตามชายหาด สำหรับพื้นที่ติดทะเล ให้กับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบงานฝีมือ
  5. หาทำเลเหมาะๆ เปิดร้านขายเป็นของตนเอง ข้อนี้ต้องมีเงินลงทุนเช่าร้านพอสมควรนะคะ ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งที่จะเป็นอาชีพอิสระ สำหรับผู้เริ่มต้นอยากมีธุรกิจเป็นของตนเอง
  6. ขายออนไลน์ โดยการเปิดเว็บไซต์ของตนเอง โปรโมตเอง เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีเงินทุนเปิดร้าน

กลุ่มลูกค้า

  1. ลูกค้าชาวต่างชาติที่ชื่นชอบงานประดิษฐ์ที่ทำด้วยฝีมือ ที่เป็นเอกลักษณ์องไทย
  2. คนไทยที่ชื่นชอบงานจากวัสดุธรรมชาติและงานทำมือ

การต่อยอดทางธุรกิจ

เมื่อเราผลิตได้ในปริมาณที่มากพอ สามารถสร้างสรรค์ผลงานที่หลากหลาย และนำไปวางขายตามร้านขายสินค้าพื้นเมือง หรือร้านขายของฝาก อีกทั้งยังสามารถขาย เป็นสินค้าขายส่ง หรืออาจจะขายเป็นเฟรนไชต์ให้กับผู้ที่ต้องการอาชีพอิสระ แต่ไม่ต้องลงทุนคิดหรือสร้างสรรค์ผลงานขึ้นมาเอง  ซึ่งรูปแบบของเฟรนไชต์อาจจะเป็นการสอนงานให้เริ่มทำแบบต่างๆ เหมือนที่ร้าน และขายวัสดุอุปกรณ์โดยจัดเซตไว้หลายๆ แบบ เพื่อให้ครอบคลุมตามขนาดของแพคเกจที่เราได้จัดทำไว้  ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในยุคปัจจุบันนี้
หากใครที่คิดว่าตนเองมีฝีมือทางด้านงานไม้ งานฝีมือ จะลองทำผลิตภัณฑ์จากมะพร้าวแบบง่ายๆ อย่างโมบายดูบ้างก็น่าสนใจดีนะคะ หรือหากใครไม่มีวัสดุอุปกรณ์ ก็ลองติดต่อหาซื้อจากร้านที่ขายสินค้าประเภทนี้อยู่ก็ได้ ไม่แน่ว่าอาจจะมีคนจัดทำเป็นแบบเฟรนไชต์ สำหรับผู้ที่อยากเริ่มต้นเรียนรู้ และประกอบธุรกิจ จะได้นำไปเป็นอาชีพเสริมได้ ในระหว่างเรียน หรือเมื่อว่างเว้นจากงานประจำ












งานฝีมือแบบไทยๆ “หมอนฟักทอง” ทำเงินจากผ้าต่วน


งานฝีมือแบบไทยๆ “หมอนฟักทอง” ทำเงินจากผ้าต่วน



ผ้าต่วน” และ “ผ้าตาด ลายไทย” หลายคนที่ไม่ได้ทำงานผ้า อาจจะไม่รู้จัก แต่ใครจะรู้ว่าสามารถนำมาจับเป็นสม๊อก ได้สวยงาม จนใครเห็นแล้วต้องทึ่งในความงาม อย่างลงตัวของผ้าชนิดนี้ หมอนฟักทอง เป็นงานฝีมือที่ค่อนข้างละเอียด และสวยงาม เหมาะสำหรับไว้ใช้ในงานแต่งงาน งานบวช หรือเป็นของฝากก็ได้อีกด้วย

หมอนฟักทอง


ลักษณะอาชีพ

เป็นงานฝีมือที่อาศัยความละเอียดอ่อน และความประณีต ชำนาญ อีกทั้งความคิดสร้างสรรค์ เนื่องจากบางครั้งต้องคิดลายที่จะปักเองไม่มีแบบ นั่นคือต้องทั้งปัก และออกแบบเอง อีกทั้งงานปักผ้าเป็นงานอีกงานที่ต้องทำทีละเล็กทีละน้อย และเป็นขั้นตอน ต้องมีการเลือกด้ายให้เหมาะกับสีผ้าด้วย ซึ่งหมอนฟักทองนี้เหมาะสำหรับนำไปเป็นของรับไหว้ในงานแต่งงาน หรือหมอนรองสำหรับรดน้ำสังข์ หรือใช้ในงานบวช อาจจะประดับตกแต่งในรถยนต์ ใช้เป็นของประดับตกแต่งบ้าน หรือนำไปเป็นของฝาก เป็นต้น
สามารถทำเป็นผลิตภัณฑ์อย่างอื่นได้ด้วย เช่น กล่องกระดาษทิชชู่รูปแบบต่างๆ ปลอกหมอนรูปแบบต่างๆ ไม่เว้นแม้แต่กระเป๋า เป็นต้น
สามารถทำได้ทุกช่วงอายุ และเหมาะสำหรับทำเป็นอาชีพอิสระ สำหรับผู้ที่ว่างเว้นจากงานประจำ หรือกลุ่มแม่บ้านที่ว่างเว้นจากงานเรือกสวนไร่นา  ไม่เว้นแม้แต่เด็ดนักเรียนที่ต้องการรายได้เสริม เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระคุณพ่อคุณแม่ สำหรับเงินไปโรงเรียน

การลงทุน

ต้นทุนต่อหมอน 1 คู่อยู่ที่ประมาณ 200-400 บาท สำหรับขนาด 11-14 นิ้ว และยังเหลือเศษผ้าอีกเล็กน้อย เพื่อทำหมอนฟักทองขนาดเล็ก หรือนำมาประยุกต์ทำเป็นพวงกุญแจขนาดเล็ก เพื่อวางขายได้อีกด้วย

หมอนฟักทอง

วัสดุอุปกรณ์

  1. ผ้าต่วน และผ้าตาด ลายไทย ราคาเมตรละประมาณ 45-60 บาท หน้ากว้าง 44 นิ้ว ผ้า 1 เมตรทำหมอนฟักทองได้ 1 คู่ (2ใบ) ขนาดหมอน 11-14 นิ้ว ขึ้นอยู่กับแบบที่เราเลือก
  2. ด้ายเย็บ 1 ม้วน สีเดียวกับผ้า
  3. เข็มสอย 1 อัน ใช้เข็มสอย เพราะมีขนาดเล็ก สามารถปักได้ง่าย
  4. กระดุมปั๊ม 4 เม็ด สำหรับหมอน 1 คู่
  5. เชือกไนลอนสำหรับเย็บกับกระดุมปั๊ม เพื่อดึงกระดุมทั้งสองด้านให้ตึง
  6. นุ่นสำหรับยัดหมอน ไม่แนะนำให้ใช้ใยโพลีเอสเตอร์ เนื่องจากต้องใช้ปริมาณมากและราคาแพง
( ใยโพลีเอสเตอร์ราคากิโลกรัมละ 120-150 บาท)

รายได้

ราคาหมอนอยู่ที่ใบละประมาณ 200-550 บาท สำหรับขนาด 11-14 นิ้ว ขึ้นอยู่กับขนาดและความยาก ง่ายของลายหมอน  โดยปกติจะขายเป็นคู่ เพราะในงานแต่งงาน หรืองานบวชจะใช้เป็นคู่ และสีเดียวกัน สำหรับพวงกุญแจ หรือหมอนขนาดเล็ก สามารถขายด้วยราคาเริ่มต้นที่ 20-100 บาท เลยทีเดียว

แหล่งจำหน่ายวัสดุอุปกรณ์

  1. ร้านจำหน่ายสำหรับงานฝีมือ
  2. ร้านขายผ้าทั่วไป ถ้าอยากได้ผ้าราคาถูก แนะนำหาซื้อที่สำเพ็ง

หมอนฟักทอง

การขายและการตลาด

  1. หากจะมีหน้าร้านให้เลือกหน้าร้านที่เป็นแหล่งชุมชน ติดถนน ผู้คนเดินผ่านไปมาและเห็นง่าย หรือหากใกล้วัดก็ดี เนื่องจากเวลามีงานบวช คนมักหาซื้อเครื่องสังฆภัณฑ์ บริเวณร้านใกล้ๆ วัด หรือผู้คนที่มางานบวชจะได้เห็นผ่านตา
  2. หากตั้งโต๊ะขายตามตลาดนัด ควรเลือกโซนที่ผู้คนมองเห็นง่าย โต๊ะที่ใช้ต้องสูงพอประมาณ อย่าสูงเกินไป หรือเตี้ยเกินไป ให้สูงประมาณระดับสายตา
  3. หากไม่มีหน้าร้านต้องการขายทางอินเตอร์เน็ต ต้องมีการทำเว็บไซต์ และโปรโมตเว็บเพื่อให้ผู้คนรู้จักและเข้าเยี่ยมชม หรือวางขายในเว็บสำหรับงานฝีมือ หรืองานแฮนด์เมด เช่น https://www.etsy.com/market/handmade เป็นต้น
  4. แนะนำให้ขายตามงานออกบูธ เช่น งานกลุ่มแม่บ้าน งานฝีมือ หรืองานหัตถกรรม เป็นต้น ซึ่งงานแบบนั้นผู้คนหลากหลาย  จึงเป็นเรื่องยากที่จะโปรโมตสินค้าของเราให้เป็นที่รู้จัก ดีไม่ด้อาจจะได้คอนเน็คชั่น เข้าไปขายสินค้าแฮนด์เมด หรือผลิตภัณฑ์ไทยๆ ในห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ อย่าง ห้างเซนทรัล หรือเซน ก็เป็นไปได้
  5. มีการติดป้ายราคาให้ชัดเจนทุกแบบ ทุกสี เพื่อง่ายในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ของเราจากลูกค้า
  6. ต้องจัดให้มีสินค้าหลากหลาย เช่น หมอนฟักทองขนาดต่างๆ ทั้งเล็ก ทั้งใหญ่ คละขนาด คละลาย หรืออาจจะนำผ้ามาจับสม๊อกแปลงเป็นผลิตภัณฑ์อื่น เช่น กล่องใส่กระดาษทิชชู่ พวงกุญแจ ปลอกหมอน หมอนอิง เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อดึงดูดลูกค้า และให้เกิดความน่าสนใจมากขึ้น ว่าเราสามารถสร้างสรรค์ผลงานออกมาได้หลากหลายแบบ ไม่ใช่เพียงแค่หมอนฟักทอง

กลุ่มลูกค้า

ผู้คนทั่วไป วัยทำงานจนถึงผู้สูงอายุ
นักท่องเที่ยว ที่ต้องการซื้อเป็นของฝาก

การต่อยอดทางธุรกิจ

หากเราสามารถรวมกลุ่ม เช่น กลุ่มแม่บ้าน จนสามารถสร้างสรรค์ผลงานได้ในปริมาณมาก เราสามารถนำสินค้าของเรา หรือโปรโมตสินค้า เพื่อเป็นสินค้าส่งออกไปขายยังต่างประเทศได้  ซึ่งแน่นอนว่าในปัจจุบันนี้ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล  และยังสามารถสร้างรายได้จากอาชีพเสริมนี้ ให้กับคนในชุมชนได้อีกด้วย เพราะในต่างประเทศมีการนิยมสินค้าไทย เป็นอย่างมาก เพราะด้วยคุณภาพ  ความสวยงาม  และสามารถนำไปประดับตกแต่งบ้านได้อีกด้วยเพียงมีฝีมือในการตัดเย็บบ้าง มีความประณีต และละเอียดอ่อน ก็สามารถสร้างสรรค์งานศิลปะ อันเกิดจากฝีมือ เพื่อสร้างสรรค์ให้เกิดเป็นอาชีพอิสระ ซึ่งช่วยให้เรามีรายได้เพิ่มขึ้น เพื่อนำมาช่วยเหลือครอบครัว และที่สำคัญงานฝีมือแบบนี้ทำได้ไม่ยากเลย และสามารถเริ่มต้นได้ทุกช่วงอายุ ไม่จำกัดแม้กระทั่งเด็กนักเรียนที่สามารถใช้เข็มและด้ายเป็น และผู้สูงวัยที่อาจจะดวงตาไม่ดีเท่าไหร่ แต่ยังสามารถเย็บผ้าได้ เห็นไหมคะ อาชีพเสริมทำได้ไม่ยาก เพียงคุณมองหา




















วันอังคารที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

รับซื้อของเก่า ขายของเก่า เปลี่ยนขยะเป็นเงิน


รับซื้อของเก่า ขายของเก่า เปลี่ยนขยะเป็นเงิน




สิ่งหนึ่งที่มีความเกี่ยวข้องกันนั่นคือจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นและขยะ โดยจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ความต้องการใช้สินค้าอุปโภค บริโภค ฯ จึงมีมากขึ้น และทำให้เกิดเป็นเศษซากสิ่งของเหลือใช้ และเมื่อเศษซากเหล่านั้นสะสมนานเข้าก็มีปริมาณมากขึ้น จึงก่อให้เกิดปัญหาขยะมูลฝอย ขยะมูลฝอย หรือแม้แต่ของเสียต่างๆ ไม่ว่าสิ่งใดก็สิ่งหนึ่งล้วนเป็นตัวการของปัญหาสิ่งแวดล้อม ที่ส่งผลต่อประเทศ ต่อประชากร ต่อสุขภาพอนามัย  ประกอบกับภาคอุตสาหกรรมในบ้านเรามีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว  จึงยิ่งก่อให้เกิดขยะมูลฝอยใหม่ ๆ  และยากต่อการจัดเก็บมากมาย เพราะวัตถุดิบหลักหรือผลิตภัณฑ์หลักของภาคอุตสาหกรรมคือพลาสติก   โดยในแต่ละปีมีการผลิตพลาสติกมากถึงสาม 3 แสนตันต่อปี และมีการแปรรูปพลาสติกเหล่านั้นมาใช้งาน เช่น การแปรรูปเป็นสินค้าต่างๆ   เสื้อผ้า คอนโซลรถ ขวดน้ำ เป็นต้น ปัญหาของพลาสติกที่พบและส่งผลต่อปัญหาสิ่งแวดล้อมระยะยาวเพราะพลาสติกใช้เวลาในการย่อยสลายมากกว่าอายุคนหนึ่งคนเสียอีก ยกตัวอย่างถุงก๊อปแก๊ปหรือถุงพลาสติกเพียงหนึ่งใบใช้เวลาย่อยถึงกว่าสี่ร้อยปี  ในขณะที่ปริมาณการผลิตและความต้องการใช้พลาสติกมีมากขึ้น แต่การจัดเก็บเป็นไปได้น้อยกว่ามาก จึงไม่สงสัยว่าทำไมขยะ ที่รวมไปถึงเศษซากเหล็ก ซากกระดาษ เศษอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ฯ จึงล้นโลกได้ขนาดนี้

รับซื้อของเก่า



หากจะแบ่งขยะออกเป็นประเภทตามส่วนประกอบ อาจจะมีมากมายถึง 7 ประเภท คือ

  1. จำพวกกระดาษ ได้แก่ ถุง กล่อง ลังกระดาษ เศษกระดาษจากสำนักงาน
  2. จำพวกพลาสติก พวกนี้ทำลายยากมาก
  3. จำพวกแก้ว ได้แก่ ขวด กระจก ฯลฯ
  4. จำพวกเศษอาหาร พวกนี้ย่อยสลายได้ง่าย แต่ก็เกิดทั้งกลิ่นเหม็น ทั้งการเน่าบูด
  5. จำพวกผ้า และเส้นใย
  6. จำพวกยางและหนัง
  7. จำพวกเศษไม้ เช่นเฟอร์นิเจอร์ โต๊ะ เก้าอี้เก่า
  8. จำพวกหิน กระเบื้อง และ โลหะต่างๆ ทั้งนี้ จากประเภทขยะ 7-8 ประเภทด้านบน หากจัดลำดับปริมาณขยะที่เกิดขึ้น จากมากไปน้อยได้ดังนี้

ทำอาชีพรับซื้อของเก่า


กระดาษ ปริมาณขยะที่เกิดขึ้น 4 ล้านตัน
เหล็ก ปริมาณขยะที่เกิดขึ้น 3 ล้านตัน
แก้ว ปริมาณขยะที่เกิดขึ้น 2.5 ล้านตัน
พลาสติก ปริมาณขยะที่เกิดขึ้น 2 ล้านตัน
อะลูมิเนียม ปริมาณขยะที่เกิดขึ้น 5.4 แสนตัน
ยาง ปริมาณขยะที่เกิดขึ้น 5.2 แสนตัน
แม้ว่าทั้งหมดที่กล่าวคือด้านมืดของขยะที่รอวันแก้ไข แต่ในอีกมุมหนึ่งของการสร้างรายได้ อาชีพเสริมจากขยะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วจริงๆ อาชีพเสริมเกี่ยวกับการรับซื้อของเก่าเป็นอาชีพเสริมที่แม้ว่าจะหากินอยู่กับความเน่าเสีย เลอะเทอะและสกปรก แต่คนที่คิดทำอาชีพเสริมนี้ กลับมองว่ามันคือขุมทองดีๆ นี่เอง จากข้อมูลข้างบนแค่รับซื้อกระดาษไปขายโอกาสรวยก็มาเคาะประตูบ้านแบบเห็นๆ และหากคิดจะทำอาชีพเสริมนี้ ลองถามตัวเองก่อนว่าจะจัดตัวเองอยู่ในประเภทใดระหว่าง รับซื้อของเก่า, รับย่อยขยะพลาสติก หมายถึงรับซื้อขยะและนำมาบดย่อย, รับหลอมรีด และตัดพลาสติก เพื่อเตรียมจำหน่ายเม็ดพลาสติกรีไซเคิลใต่อโรงงานผลิตพลาสติกต่อไป, รับผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกรีไซเคิล   เพราะทั้งหมดมีตัวแปรที่ต้องคำนึงคือเงินลงทุน สำหรับอาชีพเสริม คุณอาจไม่ต้องก้าวกระโดดมาก จริงๆ แนะนำว่าเริ่มจากขั้นแรกคือการรับซื้อของเก่า และนอกจากนี้คุณยังต้องมีการเตรียมการด้านพื้นที่ที่ไม่จำเป็นต้องใหญ่โตนักเพราะนี่คืออาชีพเสริมของคุณ  แต่สำคัญที่ทำเล ทำเลต้องไม่อยู่ใกล้ชุมชนจนเกินไป เพราะทั้งกลิ่น และฝุ่นละอองอาจส่งผลต่อคนหมู่มาก และเมื่อเกิดการไม่พอใจอาชีพนี้ของคุณอาจดับวูบได้ ทำเลควรอยู่ในที่ที่มองเห็น แต่ไม่จำเป็นต้องตั้งอยู่ใจกลางชุมชนจ๋าจนเกินไป ต่อมาคือพื้นที่ในการจัดเก็บ ยิ่งมีพื้นที่เหมาะสมยิ่งทำให้คุณสต็อกขยะเพื่อการขายได้ และยังต้องมีความรู้เกี่ยวกับการคัดแยกขยะ ซึ่งหาอ่านได้จากอินเทอร์เน็ตหรือแม้แต่การเข้าอบรม เสียเงินเพียงนิดหน่อย แต่สามารถใช้ความรู้นั้นได้ในทันที และเหนืออะไรทั้งหมด ขอให้ปรับมุมมองต่อขยะเสียก่อนเพราะอาชีพรับซื้อของเก่านี้ เป็นอาชีพที่คลุกคลีอยู่บนความสกปรก แต่ทว่า เป็นความสกปรกที่จัดการได้ และส่งผลดีต่อสังคมและโดยรวม ลำพังการรณรงค์จากภาครัฐให้ลดปัญหาสิ่งแวดล้อม ให้คัดแยกขยะอาจไม่เพียงพอ อาชีพเสริมรับซื้อของเก่านี้เป็นกลไกที่มีส่วนสำคัญอย่างมากในการลดปัญหาขยะล้นโลก ถ้าคิดบวกได้แบบนี้ เชื่อมั่นว่า อาชีพเสริมรับซื้อของเก่าจะทำให้คุณไม่ท้อถอยต่อคำสงสัยของผู้คน ว่าทำไมคุณเลือกอาชีพนี้

อาชีพเสริม ขับวินมอเตอร์ไซค์ รายได้ดี ผ่อนรถ ผ่อนบ้านได้สบายๆ


อาชีพเสริม ขับวินมอเตอร์ไซค์ รายได้ดี ผ่อนรถ ผ่อนบ้านได้สบายๆ




มอไซค์พี่ มอไซค์ ! เสียงเรียกจากลูกค้าคือเสียงสวรรค์บ่งบอกให้เรารู้ว่าถึงเวลาที่ต้องให้บริการโดยเร็ว อาชีพขับวินมอเตอร์ไซค์ถือเป็น อาชีพอิสระ อย่างแท้จริง เราขยันเราได้เงิน ไม่มีใครบังคับให้เราทำงาน ด้วยวิถีชีวิตของชาวไทยเป็นคนเรียบง่ายสบายๆ ไปไหนไปกัน ชอบความสะดวกและรวดเร็ว วินมอเตอร์ไซค์ถือว่าเป็นบริการที่เรียกใช้ได้สะดวกมากที่สุด เพราะมีให้บริการแทบจะทุกซอกทุกซอยของถนน ทุกๆ 4 แยกไฟแดง คุณจะไปไหนเพียงแค่ยกมือขึ้น เรียกมอไซค์พี่ มอไซค์ ! เท่านั้นไปไหนไปกัน
หลายท่านต้องการมีรายได้เสริม กำลังมองหาอาชีพเสริมช่วงหลังเลิกงานหรือทำในวันหยุด อาชีพเสริมขับวินมอเตอร์ไซค์ ถือเป็นหนึ่งอาชีพที่น่าสนใจไม่น้อยเลยนะครับ ถึงรายได้จะไม่มากมายนักเมื่อเทียบกับงานประจำอื่นๆ แต่ก็สามารถทำเป็นอาชีพเสริมทำเงินได้ดีเลยทีเดียว หรือจะเก็บไว้เป็นค่าครองชีพหรือค่าใช้จ่ายของครอบครัวก็ได้ แต่อาชีพนี้ก็ขึ้นอยู่กับความขยันด้วย

ขับวินมอไซด์ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง

ผมมีประสบการณ์จริงอาชีพอิสระ ขับวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างของรุ่นพี่ที่ทำงานประจำของผมมาเล่าให้ฟังครับ คุณธวิท จีบทับ หรือ พี่วิท จุดเริ่มต้นเลยที่หันมาทำอาชีพเสริม ขับวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง นั่นเป็นเพราะพี่วิทต้องการหาอาชีพเสริมทำหลังเลิกงาน พี่วิทจึงเริ่มมองหาซื้อเสื้อวินในบริเวณที่พักอาศัยเพราะเป็นจุดที่อยู่ใกล้บ้าน ซึ่งเมื่อ 3 ปีก่อนนั้น ราคาของเสื้อวินเพียงแค่ 15,000 ต่อตัว ถือว่าถูกมาก แต่ปัจจุบันก็จะมีเสื้อวินให้เช่าแบบรายเดือนและรายวัน
คุณธวิท ใช้เวลาว่างช่วงหลังเลิกงานมาขับวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างเพียงวันละ 4 ชั่วโมง แต่ถ้าเป็นวันหยุดพี่เค้าก็จะตื่นแต่เช้าออกไปรับจ้างขับวินมอเตอร์ไซค์เหมือนเช่นเคย ตั้งแต่เช้าจนถึงสองทุ่ม  บางวันพี่วิทก็จะตั้งเป้าหมายไว้ อาทิเช่นวันนี้ต้องการเงิน 1,500 บาท พี่วิทก็จะใช้เวลาทั้งวันเพื่อขับวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างจนกว่าจะมีรายได้ครบ 1,500 บาทจึงจะเลิกงานและกลับบ้าน
เพราะอาชีพขับวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างถือเป็นอาชีพอิสระที่ไม่ต้องมีใครมาคุม ถ้าเราตั้งใจและอดทนทำงาน ผลตอบแทนที่ได้ก็คุ้มค่า
ก่อนที่จะมาขับวินมอเตอร์ไซค์สิ่งแรกที่จำเป็นจะต้องมี คือ รถมอเตอร์ไซค์ เสื้อวิน หมวกกันน็อค ใบขับขี่มอเตอร์ไซค์สาธารณะ สิ่งเหล่านี้คือพื้นฐานที่จำเป็นจะต้องมีอยู่คู่กับอาชีพขับวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง
  1. ต้องมีรถมอไซค์ (ป้ายเหลืองรถจักรยานยนต์สาธารณะ)
  2. ต้องมีใบขับขี่มอไซค์ สาธารณะ
  3. ต้องมีเสื้อวิน
  4. ต้องมีหมวกกันน็อค 2ใบ
  5. รถต้องมีประกัน ต่อภาษี พรบ
  6. ต้องมีความอดทด รักในงานบริการ ความปลอดภัยมาเป็นหลัก
กฏระเรียบในแต่ละวินมอเตอร์ไซค์ อาจจะไม่เหมือนกันในทุกที่ แต่ทุกสถานที่ย่อมมีกฏระเรียบ มีหัวหน้าวิน มีการประชุมภายในกลุ่ม มีการบังคับการแต่งตัว และกำหนดราคาให้บริการ
มือใหม่ ! ระเบียบการขับวินมอเตอร์ไซค์ ห้ามรับลูกค้าตัดหน้าวินอื่นเด็ดขาด คุณควรจดจำเอาไว้ เวลาขับรถแล้วมีลูกค้าเรียกข้างทาง ต้องดูด้วยว่าแถวนั้นมีวินมอเตอร์ไซค์อื่นอยู่หรือไม่ ถ้าไม่มีก็รับลูกค้าได้ไม่มีปัญหา





บทความที่ได้รับความนิยม